วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556


1.wireless lan

ระบบเครือข่ายไร้สาย 
          ระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ ระบบเครือข่ายแบบ Wireless LAN หรือ WLAN  เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายแบบไร้สาย (ไม่จำเป็นต้องเดินสายเคเบิ้ล) เหมาะสำหรับการติดตั้งในสถานที่ที่ไม่สะดวกในการเดินสาย หรือในสถานที่ที่ต้องการความสวยงาม เรียบร้อย และเป็นระเบียบ เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น

หลักการทำงานของระบบ Wireless LAN
          การทำงานจะมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ และกระจายสัญญาณ หรือที่เราเรียกว่า Access Point และมี PC Card ที่เป็น LAN card สำหรับในการเชื่อมกับ access point โดยเฉพาะ การทำงานจะใช้คลื่นวิทยุเป็นการรับส่งสัญญาณ โดยมีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 2.4 to 2.4897 Ghz และสามารถเลือก config ใน Wireless Lan (ภายในระบบเครือข่าย Wireless Lan ควรเลือกช่องสัญญาณเดียวกัน)

ระยะทางการเชื่อมต่อของระบบ Wireless LAN
          ภายในอาคาร 
          1. ระยะ 50 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps 
          2. ระยะ 80 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps 
          3. ระยะ 120 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps 
          4. ระยะ 150 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 1 Mbps 
          ภายนอกอาคาร 
          1.ระยะ 250 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps 
          2. ระยะ 350 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps 
          3. ระยะ 400 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps 
          4. ระยะ 500 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 1 Mbps


การเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย Wireless LAN มี 2 ลักษณะ ดังนี้
          1. การเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc (Peer to Peer) 
          โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc หรือ Peer to Peer เป็นการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป โดยที่ไม่มีศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ทุกเครื่องสามารถสื่อสารข้อมูลถึงกันได้เอง ตัวส่งจะใช้วิธีการแพร่กระจายคลื่นออกไปในทุกทิศทุกทางโดยไม่ทราบจุดหมายปลายทางของตัวรับว่าอยู่ที่ใด ซึ่งตัวรับจะต้องอยู่ในขอบเขตพื้นที่ให้บริการที่คลื่นสามารถเดินทางมาถึงแล้วคอยเช็คข้อมูลว่าใช่ของตน หรือไม่ ด้วยการตรวจสอบค่า Mac Address ผู้รับปลายทางในเฟรมข้อมูลที่แพร่กระจายออกมา ถ้าใช่ข้อมูลของตนก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลต่อไป
การเชื่อมโยงเครือข่ายไวร์เลสแลนที่ใช้โครงสร้างการเชื่อมโยงแบบ Ad-hoc ไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ตได้ เนื่องจากบนระบบไม่มีการใช้สัญญาณเลย
          2. การเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure (Client/Server)
          โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure หรือ Client / Server มีข้อพิเศษกว่าระบบแบบ Ad-hoc ตรงที่มีแอ็กเซสพอยน์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง (ทำหน้าที่คล้ายฮับ) และเป็นสะพานเชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายอุปกรณ์ไวร์เลสแลนเข้าสู่เคลือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนหลัก (Ethernet Backbone) รวมถึงการควบคุมการสื่อสารข้อมูลอุปกรณ์ไวร์เลสแลน 

อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย Wireless LAN
          1. แลนการ์ดไร้สาย (Wireless LAN Card)
          ทำหน้าที่ในการ แปลงข้อมูล ดิจิตอล ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นคลื่นวิทยุแล้วส่งผ่านสายอากาศให้กระจายออกไป และทำหน้าที่ในการรับเอาคลื่นวิทยุที่แพร่กระจายแปลงเป็น ข้อมูลดิจิตอล ส่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผล Wireless LAN ที่ผลิตออกมาจำหน่าย มีหลายรูปแบบแบ่งตามลักษณะช่องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ดังนี้ 
- แลนการ์ดแบบ PCI 
- แลนการ์ดแบบ PCMCIA 
- แลนการ์ดแบบ USB
- แลนการ์ดแบบ Compact Flash (CF)
          2. อุปกรณ์เข้าใช้งานเครือข่าย (Wireless Access Point)
          ทำหน้าที่เสมือน ฮับ เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ไวร์เลสแลนแบบต่าง ๆเข้าด้วยกัน อีกทั้งเป็นสะพานเชื่อมต่อ เครื่องไวร์เลสแลนเข้ากับเครื่องอีเธอร์เนตทำให้ระบบทั้งสองสามารถสื่อสารกันได้ 
          3. สะพานเชื่อมโยงไร้สาย (Wireless Bridge) 
          ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระบบ เครือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนตั้งแต่สองระบบขึ้นไปเข้าด้วยกันแทนการใช้สายสัญญาณ ข้อมูลที่สื่อสารระหว่างเครือข่ายอีเธอร์เน็ตจะถูกแปลงเป็นคลื่นวิทยุแล้วถูกแปลงไปยังปลายทาง
          4. Wireless Broadband Router
          ทำหน้าที่ในการต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านคู่สายโทรศัพท์ (ADSL) หรือ เคเบิลทีวี (UBC) ด้วยเทคโนโลยี Broadband Router ซึ่งมีฟังชันการทำงานเป็นตัวค้นหาเส้นทาง, NAT (Network Address Translation) , Firewall , VPN ๆลๆ มาผสมผสานเข้ากับ Access Point ทำให้ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายสามารถสื่อสารข้อมูลไปยังระบบอินเทอร์เน็ต
          5. Wireless Print Server 
          อุปกรณ์การแชร์เครื่องพิมพ์บนระบบเครือข่าย Wireless LAN
          6. Power Over Ethernet Adapter 
          ทำหน้าที่แยกสาย UTP ที่มีสายทองแดงตีเกลียวอยู่ข้างใน 4 คู่โดยสายทองแดงสำหรับใช้สื่อสารข้อมูลใช้เพียง 2 คู่เท่านั้น ส่วนสายทองแดงอีก 2 คู่สามารถใช้อุปกรณ์ตัวนี้นำมาใช้เป็นเส้นทางสำหรับส่งแรงดันไฟฟ้าไปให้กับตัว Access Point ได้ 
          7. สายอากาศ (Antenna) 
          ทำหน้าที่เปลี่ยนข้อมูลในรูปของกระแสไฟฟ้าที่ส่งออกมาจากภาคส่งของอุปกรณ์ไวร์เลสแลนให้กลายเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแพร่กระจายออกไปในอากาศและสายอากาศยังทำหน้าที่รับเอาคลื่นที่อุปกรณ์ไวร์เลสแลนเครื่องอื่น ๆ ส่งออกมาแปลงกลับให้อยู่ในรูปของกระแสไฟฟ้าส่งให้ภาครับต่อไป


2.access poin


access point คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับ switching hub ของระบบเครือข่ายปกติค่ะ โดย access Point ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลทางคลื่นความถี่กับ Wireless Card ซึ่งติดตั้งบนเครื่องของผู้ใช้แต่ละคน
Access Point หมายถึง อุปกรณ์จุดเข้าใช้งานเครือข่ายไร้สาย ทําหน้าที่รองรับการเชื่อมโยงจากเครื่องลูกข่าย



















Access Point หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าAP (เอ-พี) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น “จุดกระจายและเชื่อมต่อสัญญาณ ไร้สาย เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายทุกชนิด (ที่ทำงานภายใต้มาตรฐานของ IEEE802.11) เข้าด้วยกัน นอกจากจะทำหน้าที่เป็น Access Point แล้ว AP ที่ดียังสามารถทำหน้าที่อื่นๆ เพื่อช่วยให้ระบบเครือข่ายไร้สายตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างถึงขีดสุด หน้าที่ต่างๆ ของ AP ที่ดี ที่จะช่วยสร้างระบบเครือข่ายไร้สายของคุณให้ทรงประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแท้จริง





 แรก คือ Access Point Mode ซึ่งเป็นหน้าที่หลักโดยกำเนิดของ AP ทุกตัวและเป็นที่มาของชื่อเรียกของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ AP ที่ทำหน้าที่เป็น Access Point จะว่าไปแล้วก็เปรียบเสมือนสวิตซ์ในการสร้างระบบเครือข่ายผ่านสาย (ไม่ว่าจะเป็นสาย UTP หรือสาย Fiber Optic) โดย AP จะทำหน้าที่ เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับรับระบบเครือข่ายไร้สายเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Computer, Print Server, Camera หรือ อุปกรณ์พกพาต่างๆ (Smart Phone /PDA) เพื่อให้ใช้ทรัพยากรในวงแลนรวมกัน ทั้งซอฟท์แวร์ อาทิ แชร์ไฟล์ แชร์โปรแกรม แชร์อินเตอร์เน็ต หรือ ฮาร์ดแวร์ อาทิ การแชร์ Printer เป็นต้น Access Point Mode นี้จึงเป็นหัวใจหลักของการสร้างระบบเครือข่ายไร้สาย ที่ต้องการจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายเข้าด้วยกัน และเป็นเพียงโหมดเดียวที่ให้เครื่องลูกข่าย เชื่อมโยงเข้ากับ Access Point ได้ นอกจากนั้นจะเป็นการเชื่อมกันระหว่าง Access Point ด้วยกันเอง









3.wireless router




เราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้การจราจรโดยตรงระหว่างคอมพิวเตอร์ท้องถิ่นเครือข่ายร่วมกันทั้งสองผ่านอีเธอร์เน็ตสายหรือผ่านเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ เครือข่ายที่ใช้อีเธอร์เน็ตสายจะเรียกว่าเครือข่ายยากสายขณะที่เครือข่ายคลื่นวิทยุที่เรียกว่าเครือข่ายไร้สาย ทั้งสองประเภทของเครือข่ายมีข้อดีและข้อเสีย แต่เครือข่ายไร้สายน้อยราคาแพงและง่ายที่สุดในการตั้งค่าเพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้สายเคเบิลอีเธอร์เน็ตระหว่างเครื่องเราเตอร์มาตรฐานไม่ได้มีเทคโนโลยีไร้สายในตัวดังนั้นหากคุณต้องการเครือข่ายไร้สายคุณจะต้องเราเตอร์ไร้สาย
ในขณะที่เราเตอร์ไร้สายได้โดยตรงการจราจรบนเครือข่ายท้องถิ่น, โมเด็มจำเป็นต้องใช้ถ้าอินเทอร์เน็ตเป็นที่ต้องการ ในหลาย ๆ กรณีสายสมาชิกดิจิตอล ( DSL ) และสายอินเทอร์เน็ตให้บริการ (ISP) ให้โมเด็มที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อเชื่อมต่อกับบริการ เราเตอร์ไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อกับโมเด็มเพื่อให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตไปยังเครือข่าย
อีกตัวเลือกหนึ่งคือการได้รับเราเตอร์ไร้สายกับโมเด็มในตัวการลดจำนวนของอุปกรณ์ที่จำเป็น ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากที่สุดในสายนี้มาพร้อมกับคำแนะนำสำหรับการกำหนดค่าโมเด็มในตัวที่จะเชื่อมต่อเป็นที่นิยม, ISPs ชาติมักจะออกกำลังกายเล็กน้อยสำหรับทุกคนที่มีประสบการณ์คอมพิวเตอร์น้อย หากคุณเลือกที่จะรับเราเตอร์ไร้สายกับโมเด็มในตัวคุณอาจจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ชนิดของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่คุณจะได้รับ, (สายเคเบิลหรือ DSL) หรือคุณจะต้องการเราเตอร์รุ่นที่สนับสนุนทั้ง ชนิด







วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555


แอนดรอย  คือ

 ระบบ ปัฎิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ โน็ตบุ๊ค ๆลๆ 

Android(แอนดรอยด์) 4.0
เป็นเลขหมายของเวอร์ชั้น ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เหมือนที่ windoes มีทั้ง windoes 95  windoes 2000
windoes xp เป็นต้น  ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวอร์ชั้นที่พัฒนาอย่างต่อเนี่อง


วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555









Meizu MX2 - เม่ยจู MX2

ระบบปฏิบัติการ : Android เวอร์ชั่น 4.1 (OS. Flyme 2.0)








Meizu MX Quad-core - เม่ยจู MX Quad-core


ระบบปฏิบัติการ : Android เวอร์ชั่น 4.0 Ice Cream Sandwich

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดาวเทียมไทยคม

ลักษณะและการใช้งาน

ปัจจุบัน ดาวเทียมไทยคม มีทั้งหมด 5 ดวง ใช้งานได้จริง 4 ดวง โดย 2 ใน 4 ดวงเป็นการใช้งานหลังหมดอายุที่คาดการณ์ และปลดระวางไปแล้ว 1 ดวง


ดาวเทียมไทยคม1
ไทยคม 1A ดาวเทียมดวงแรกของประเทศไทย เป็นดาวเทียมรุ่น HS-376 สร้างโดย Huges Space Aircraft (บริษัทลูกของ โบอิง) โคจรบริเวณพิกัดที่ 120 องศาตะวันออก ส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2536 มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี (ถึง พ.ศ. 2551)
เดิมดาวเทียมดวงนี้อยู่ที่พิกัด 78.5 องศาตะวันออก เรียกชื่อว่า ไทยคม 1 เมื่อย้ายมาอยู่ที่ 120 องศาตะวันออก เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2540 จึงเรียกชื่อใหม่ว่า "ไทยคม 1A"


ดาวเทียมไทยคม2

ไทยคม 2 ดาวเทียมดวงที่สองของประเทศไทย เป็นดาวเทียมรุ่น HS-376 เช่นเดียวกับ ไทยคม 1A โคจรบริเวณพิกัดที่ 78.5 องศาตะวันออก ส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2537 มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี (ถึง พ.ศ. 2552)

ดาวเทียมไทยคม3
ไทยคม 3 เป็นดาวเทียมรุ่น Aerospatiale SpaceBus 3000A โคจรบริเวณพิกัดเดียวกับ ไทยคม 2 คือ 78.5 องศาตะวันออก มีพื้นที่การให้บริการ (footprint) ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 4 ทวีป สามารถให้บริการในเอเซีย ยุโรป ออสเตรเลียและแอฟริกา และถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ตรงถึงที่พักอาศัยหรือ Direct-to-Home (DTH) ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2540 มีอายุการใช้งานประมาณ 14 ปี แต่ปลดระวางไปเมื่อปี 2549 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้าไม่พอ

                   ดาวเทียมไทยคม4
ไทยคม 4 หรือ ไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียมรุ่น LS-1300 SX สร้างโดย Space System/Loral พาโล อัลโต สหรัฐอเมริกา เป็นดาวเทียมดวงแรกที่ออกแบบมาเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ความเร็ว 45 Gbps เป็นดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากถึง 6486 กิโลกรัม และทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2548 มีอายุการใช้งานประมาณ 12 ปี [1]

ดาวเทียมไทยคม5

ไทยคม 5 เป็นดาวเทียมรุ่น Aerospatiale SpaceBus 3000A (รุ่นเดียวกับไทยคม 3) สร้างโดย Alcatel Alenia Space ประเทศฝรั่งเศส มีน้ำหนัก 2800 กิโลกรัม มีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 4 ทวีป ใช้เป็นดาวเทียมสำหรับการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมตรงถึงที่พักอาศัยหรือ Direct-to-Home (DTH) และการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตอลความละเอียดสูง (High Definition TV) ส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 เพื่อทดแทนไทยคม 3

ดาวเทียมไทยคม6

ไทยคม6 เป็นดาวเทียมรุ่น สร้างโดย Space Exploration Technologies (SpaceX) มีน้ำหนัก3000 กิโลกรัม มีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 4 ทวีป ใช้เป็นดาวเทียมสำหรับการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมตรงถึงที่พักอาศัยหรือ Direct-to-Home (DTH) และการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตอลความละเอียดสูง (High Definition TV





















วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สาย cat 3.4.5.6




1.CAT 3 (Category 3) 


เป็นสาย UTP ที่ภายในมีสายสัญญาณจ านวน 4 คู่ โดยมีข้อก าหนดระบุ
ไว้ว่า สายแต่ละคู่จะต้องน ามาบิดเกลียวอย่างน้อย 3 รอบต่อ 1 ฟุต รองรับความเร็ว
ในการส่งข้อมูลที่ 10  Mbps  สายชนิดนี้น ามาใช้กับเครือข่ายอีเทอร์เน็ต (10 
Mbps) โทเคนริง (4 Mbps)  ที่ใช้งานบนเครือข่ายยุคเก่า ปัจจุบันสายประเภทนี้
ถูกทดแทนด้วยสาย CAT 5 เนื่องจากมีประสิทธิภาพเหนือกว่า



2. CAT 4 (Category 4)

เป็นสาย UTP  ที่ภายในมีสายสัญญาณจ านวน 4  คู่ รองรับความเร็ว
สูงสุดที่ 20  Mbps  ถูกออกแบบให้ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า CAT  1, 
CAT 2 และ CAT 3 รวมถึงส่งข้อมูลได้เร็วกว่า



3. CAT 5 (Category 5)

เป็นสาย UTP  ที่ภายในมีสายสัญญาณจ านวน 4  คู่ รองรับความเร็วสูงถึง 
100 Mbps  นิยมน ามาใช้กับเครือข่ายท้องถิ่น โดยสายสัญญาณทั้ง 4 คู่ (8 เส้น) จะ
ถูกหุ้มด้วยฉนวนพลาสติกที่มีสีต่างๆ ก ากับอยู่ จัดเป็นสายสัญญาณที่ป้องกันสัญญาณ
รบกวนได้ดี เนื่องจากการบิดเกลียวของสายที่มี Twist Ratio จ านวนมากถึง 12 รอบต่อ
ความยาว 1  ฟุต ปัจจุบันสาย CAT  5  จัดเป็นมาตรฐานขั้นต่ าที่น ามาใช้บนเครือข่าย
ท้องถิ่น


4.CAT 5e (Enhanced Category 5)

เป็นสาย UTP  ที่มีคุณภาพสูง โดยใช้ลวดตัวน าสัญญาณคุณภาพสูง และมีการ
บิดเกลียวของ Twist Ratio ที่เพิ่มขึ้น จึงสามารถป้องกันสัญญาณรบกวนแบบครอสทอล์ก
ได้เป็นอย่างดี สาย CAT  5e  สามารถน ามาใช้งานบนเครือข่ายท้องถิ่น รองรับความเร็ว
สูงสุดที่ 100 Mbps




5. CAT 6 (Category 6)

เป็นสาย UTP  ที่รองรับความเร็วสูงถึง 1  Gbps เป็นสายคู่บิดเกลียวที่
เพิ่มส่วนของฉนวนที่เรียกว่า ฟอยล์ (Foil)  ซึ่งเป็นแผ่นโลหะบางๆ ใช้ป้องกัน
สัญญาณรบกวนได้ดียิ่งขึ้น รองรับอัตราความเร็วที่ 250 MHz


6.CAT 6e (Enhanced Category 6)

เป็นสายที่พัฒนามาจาก CAT  6  เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย
สามารถรองรับอัตราความเร็วได้สูงถึง 550 MHz และส่งผ่านข้อมูลได้หลายกิกะบิต
ต่อวินาท

การเปรี่ยบเทียบคุณสมบัติ


CAT  3 =   รองรับความเร็วในการส่งข้อมูลที่ 10  Mbps 
CAT 4 =  รองรับความเร็วสูงสุดที่ 20  Mbps
CAT 5 =   รองรับความเร็วสูงสุดที่ 100 Mbps
CAT 6 =  สามารถรองรับอัตราความเร็วได้สูงถึง 550 MHz





วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555


นายชานนท์  กิจโชติประเสริฐ
123/5 หมู่ที่ 7 ต.บางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี10230